“…มีบางสิ่งบางอย่างไหลเวียนอยู่ในขบวนการและพื้นที่แรดิคัล ซึ่งกลายเป็นรอยรั่วซึมที่สูบความเปลี่ยนแปลงใดๆ ออกไปจนสิ้น ผู้คนที่เคยผ่านพื้นที่ดังกล่าวต่างรู้สึกได้ถึงสิ่งนี้ หลายคน (รวมถึงพวกเราเองด้วย) ก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนี้เอง ทั้งยังเป็นกำลังแข็งขันช่วยเผยแพร่ และก็เจ็บตัวมาเพราะมันเช่นเดียวกัน เจ้าบางสิ่งนี้ฟูมฟักความแข็งทื่อ การจ้องจับผิด และความวิตกกังวลในพื้นที่ที่เราควรจะรู้สึกมีชีวิตชีวาที่สุด มันบังคับให้เราเฟ้นหาข้อผิดพลาดและความไม่เสมอต้นเสมอปลาย ทั้งในตัวเราเองและคนอื่นอย่างไร้ปราณี มันทำลายการลองผิดลองถูกและความสงสัยใคร่รู้ มันเป็นศัตรูกับความแตกต่าง ความซับซ้อน และความลุ่มลึก หรือไม่อย่างงั้น มันก็คือสื่งเดียวที่ซับซ้อนที่สุด ลุ่มลึกที่สุด ส่วนคนอื่นนั้นช่างตื้นเขินและโง่เขลา และความแรดิคัลกลายเป็นอุดมคติที่ไม่มีใครหน้าไหนควรคู่พอ…”
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มแรกในโครงการแปลหนังสือ Joyful Militancy (สู้ไปกราบใคร) ทีแรกก็ตั้งใจจะแปลทั้งเล่มในรวดเดียว แต่ด้วยเงื่อนไขชีวิตของแต่ละคน คิดว่าถ้ารอให้แปลเสร็จทั้งเล่ม แรงขัดขืนของน้ำ(ขึ้น)ที่ไหลทะลักคงจะเปลี่ยนไปไหลเอื่อยเนือยนิ่งซะก่อน เลยตัดสินใจแปลไปพิมพ์ไปตลอดระยะการทำงาน ก็ดีเหมือนกัน คิดซะว่าเราเชิญทุกคนมาร่วมกระบวนการไปกับเรา ระหว่างทางที่ยังเดินไปไม่ถึงอาจจะเกิดหมุดหมายหรือเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ได้ มาร่วมเป็นพยานไปด้วยกันมั้ยคะ
ในฐานะส่วนหนึ่งของนิทรรศการ Arcane Platea|คำสาปที่ราบสูง น้ำขึ้นคอลเลคทีฟทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการและจัดพิมพ์หนังสือนิยายในชื่อเดียวกัน ทั้งนี้ ‘Arcane Plateau’ เกิดมามาจากการร่วมแรงร่วมใจที่อยากเห็นเพื่อนเรา ธนวัฒน์ นุ่มเจริญ เล่าเรื่องความหลงใหลในความพิศวงของจุดกำเนิดของสรรพสิ่งให้เราฟัง
คำสวยหรูและคำถามที่ไม่น่าจะมีใครตอบได้! คงเป็นไปไม่ได้แบบไม่ต่างอะไรจากการจดจำความทรงจำที่ลืมไปแล้ว การทำความเข้าใจอนาคตที่ยังมาไม่ถึง หรือการเขียนประวัติศาสตร์ของอดีตที่ไม่รู้จัก แต่ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นไปไม่ได้เพียงเพราะเราตามหา ‘ความถูกต้อง’ บางอย่าง และเพราะความเป็นไปไม่ได้มันมีเงื่อนไขแบบนี้ ธนวัฒน์จึงพาตัวเองเข้าไปดำว่ายในสิ่งที่ศิลปะและงานเขียนอาจจะให้เราได้เสียแทน นั่นคือ โลกสมมติแห่งความเป็นไปได้ที่ทั้งไม่น่าจะเป็นไปได้และไร้จุดจบ ‘Arcane Plateau’ คือโลกที่ธนวัฒน์เสกร่ายขึ้นมา จงมีสัตว์พูดได้ สิ่งมีชีวิตอมตะ ดาวหางไฟลุกโชน สงครามระหว่างทวยเทพและสัตว์โลก น้ำท่วมใหญ่หลายครั้ง และมนุษย์คนแรก ทั้งหมดนี้แค่ส่วนหนึ่งของสิ่งอัศจรรย์ที่ดำเนินไปพร้อมกัน ทั่วโลกทั้งใบ
นิทรรศการเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม-10 ตุลาคม 2023 ณ ห้องสมุดประชาชี (ซอยเจริญกรุง 26)
In conjunction with the exhibition titled ‘Arcane Plateau|คำสาปที่ราบสูง,’ Namkheun Collective edited and published a novella with an eponymous name.
The exhibition was of the artist Thanawat Numcharoen, and was curated by Wirunwan Victoria Pitaktong. ‘Arcane Plateau’ is a collective effort driven by the desire to see our friend, Thanawat Numcharoen, recount to us his fascination with a mystery that is the origin of everything.
Big words and an impossible question! As impossible as recalling forgotten memories, apprehending the future, or writing the past unknown that is history. However, it is perhaps only impossible if the purpose is to get it ‘right.’ So, instead, what Thanawat has done is to immerse himself in what writing and art can offer: the fictional world with all the impossible and infinite possibilities. ‘Arcane Plateau’ is a universe in which Thanawat has conjured speaking animals, immortal beings, burning meteorites, the war of god against earthly creatures, the many great floods, and first-ever humans, among other wonders, all of which transpire simultaneously and take place ubiquitously.
The exhibition was on view from August 12th-October 10th, 2023 at Prachachee Library (Charoenkrung 26).
โครงการน้ำขึ้นแมนิเฟสโต้เริ่มต้นจากคำถามง่ายๆ แล้วส่วนตัวมากๆ ว่า “ทำไมกุถึงอินกับแมนิเฟสโต้นี้จังวะ?” จากจุดนั้นเราเลือกแมนิเฟสโต้มา 6 ชิ้น จากความอินที่รู้สึกรู้ซึ้งได้ถึงความเร่งด่วนของข้อเรียกร้องของแต่ละแมนิเฟสโต้ เราแปลและแปลงทุกตัวบทเป็นภาษาไทย เพื่อดึงวิถีการต่อต้านขัดขืนที่แต่ละแมนิเฟสโต้เสนอเข้ามาสู่การทำความเข้าใจในบริบทไทยเอง เราเฝ้าสำรวจข้อสังเกตต่างๆ ที่ผุดขึ้นจากการทำงานกับตัวบทเหล่านี้และคุยกับผู้อ่านด้วยการสางเส้นใยที่ร้อยโยงบริบทอันแตกต่างเข้าด้วยกัน
Namkheun Manifesto began with a simple and personal question: ‘Why do I find this manifesto I’m reading so moving?’. Six manifestos were selected, and translated into Thai, based on our own affinity and allegiance to the urgencies raised by each manifesto. Regarding these manifestos as points of departure for further reading of proposed modes of resistance, the project aims to interrogate our own engagement with the texts, and form a conversation with the reader by teasing out resonances among contexts.
I suppose it is frost on the ground...เป็นการรวบรวมข้อความและข้อเขียนที่กลั่นตัวจากความคุกกรุ่นทางการเมืองของการเมืองไทย ถึงแม้ข้อเขียนเหล่านี้ถูกหยิบยกมาจากจดหมายของ “คนข้างใน” และบันทึกการเยี่ยมนักโทษของทนายความและญาติมิตร แต่ข้อเขียนที่ถูกเลือกมาเป็นคำกล่าวที่ดูดาษๆ ประจำวัน และไม่ได้จำเป็นต้องปลุกเร้าวาทกรรมของประชาธิปไตยอย่างโจ้งแจ้งเสมอไป แต่ถึงอย่างนั้นคำกล่าวเหล่านี้ก็พาเราล่องบนน่านน้ำไร้สัญชาติของผัสสะอารมณ์
สำหรับนิทรรศการนี้ เราตั้งใจไม่แสดงจดหมายในฐานะวัตถุจัดแสดง แต่ในฐานะประตูสู่โยงใยของอักษรที่เกี่ยวพันข้ามผ่านระบอบเวลา สังคมวัฒนธรรม ภาษา และผัสสะ ในขณะเดียวกันเราก็สำรวจการทำงานกับจดหมายเหล่านี้ของตัวเราเองไม่ว่าจะผ่านการแปลหรือการสนทนากับนักกิจกรรมทางการเมืองจากหลากบริบท เราหวังว่าการทำงานครั้งนี้จะฝากร่องรอยถ้อยคำ และถ้อยคำเหล่านี้เองคือสิ่งที่เราตั้งใจแสดงในนิทรรศการนี้
I suppose it is frost on the ground... is a collection of excerpts and textual products that emerge from the hostile climate of Thai politics. These are texts taken from prison letters and visitation notes. These are texts written as everyday utterances which do not necessarily evoke the rhetoric of democracy. It is from these utterances that we are able to sail across the international waters of sentiments and sensibilities.
In the context of this exhibition, we aim to use these letters not as display objects in themselves, but rather as an entry point into a network of textual references across overlapping temporal, sociocultural, linguistic, or sensorial regimes. We aim to interrogate our engagement with the letters, either through our translating or possible dialogue with other activists. We expect that this engagement will leave textual traces, and it is these traces that the exhibition will feature.
น้ำขึ้นโน้ต คือการแปลและแปลงการฉอดการฝอยที่พ่นกันเร็วๆ เมื่อถูกยุแยง(กันเอง) หรือด้วยเหตุการณ์จะบ้าตายรายวัน แทนที่จะปล่อยให้ก้อนความคิดเหล่านี้ก็ระเหยไปหลังวางหูโทรศัพท์ หรือถูกกลบทับไปตามการไถหน้าฟีดโซเชียลมีเดียตามปกติ เราขอหยุดหนึ่งแป๊ป แล้วจดเก็บไว้ที่นี่
Namkheun Notes is a collection of our quick rants and banters. Instead of letting these verbal and written responses disappear after the end of a phone call or after some scrolls of the social media feed, we take a pause and jot them down here.